วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

วิธีการจัดการกับปัญหาแฟนมีชู้อย่างถาวร





 เป็นตัวที่บ่งชี้ถึงการขาดสารอาหารที่ให้แคลอรี่และโปรตีน 5 การจำกัดการบริโภคโปรตีนในคนไข้มะเร็ง จะไม,ส่งผลกระทบถึงองค์ประกอบหรืออัตราการเติบโตของเนื้องอก แต่มันจำกัดความสบายในชีวิตของคนไข้ 6ยาต้านมะเร็งที่ใช้กันอยู่ทั่วไป คือเมโธเทร็กเซท (methotrexate) ซึ่งเข้ารบกวนเมตาโบลิซึมของฟอเสท (ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง)    นักวิทยาศาสตร์มากมายเดากันว่า ฟอเสทในอาหารอาจเร่งการเติบโตของมะเร็งไต้ แต่ความจริงไม1ได้เป็นอย่างนั้น จากการทดลองกับสัตว์นั้น แม้จะงดฟอเสทในอาหารของมันเนื้องอกของมันก็ยังโตต่อไปอยู่ดี7 อันที่จริงแล้ว ในสัตว์ที่ปล่อยให้อดนั้น เนื้องอกจะโตเร็วยิ่งกว่าในสัตว์ที่บำรุงเลี้ยงอาหารเสียอีกซึ่งก็บ่งชี้ถึงความทรหดของมะเร็งในการเกาะกินร่างกายผู้ป่วย 8    การศึกษาอื่นๆ ได้พบว่า สภาวะแวดล้อมที่มิฟอเสทตา สามารถกระต้นให้ดีเอ็นเอที่

“เปราะ” ไปกระทำการให้มะเร็งแพร่ลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ในขณะเดียวกัน เราก็กินอาหารบางอย่างในปริมาณมากอย่างน่าตกใจ  เครื่องดักฟังดิจิตอล อาทิไขมัน เกลือ นํ้าตาล คอเลสเตอรอล อัลกอฮอล์ คาเฟอีน สารเสริมใส่ตกแต่งอาหารและสารพิษสิ่งผิดๆ ที่มากเกินไปนี้ เมื่อประกอบกันเข้ากับสิ่งที่ถูกต้องที่น้อยเกินไปก็ก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของสังขารมากมายในสัดส่วนที่มากเหมือนกับโรคระบาดอยู่ในประเทศนี้ กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานการบริการด้านสุขภาพและมนุษย์ (Department of Health and Human Services)ศูนย์ควบคุมโรค บัณฑิตสถานวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สมาคมการแพทย์อเมริกันสมาคมอาหารอเมริกันและหน่วยงานด้านสาธารณสุขใหญ่ๆ เกือบทุกแห่ง ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า อาหารเป็นตัวการสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดปัญหาสุขภาพที่เรามีอยู่แพร่หลายทั่วไปมากที่สุด ขายเครื่องติดตาม  รวมทั้งมะเร็งอาหารตามแบบฉบับที่ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งรับประทานกัน เป็นอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง ทว่ามีเส้นใยและผักในปริมาณตร “เนื้อ มันฝรั่งและเกรวี่”คือสิ่งที่คนไข้มากมายรับประทานเพื่อยังชีพ    ข้อมูลที่กระทรวงเกษตรกรรมของสหรัฐรวบรวมมาจากซาวอเมริกัน 11,000 คน แสดงว่า ไม่ว่าจะในวันใดๆก็ตาม มีคนอเมริกันไม่ได้กินผลไม้เลยไม่'ได้กินผักตระกูลครู'ซิฟเฟอรัสเลยไม่ได้กินผลไม้หรือผักที่อุดมด้วยวิตามินซีเลยไม่ได้กินผักและผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินเอไม่ได้กินอาหารจากธัญพืชอย่างเช่นขนมปังหรือซีรีลร่างกายของมนุษย์มิความยืดหยุ่นอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งบางครั้ง ก็เกิดผลเสียแก่เราเอง    ไม่มีใครตายตั้งแต่ตอนที่สูบบุหรี่มวนแรกหรือดื่มเครื่องดื่มมีนเมาแก้วแรกในตอนคํ่า หรือตั้งแต่ในสิบปีแรกที่กินอาหารไม่ถูกอนามัยการที่เรารอดชีวิตผ่านสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนนี้มาได้ทำให้เราหลงเข้าใจไปผิด ๆว่าเราจะทำอย่างนั้นต่อไปได้เรื่อยๆ หามิได้ การขาดสารอาหาร อาจจะเป็น สิ่งที่จะแจ้งโจ่งครึ่มได้ เหมือนอย่างที่เราเห็นเด็กทารกที่กำลังตายเพราะขาดอาหารในประเทศในโลกที่สาม    การขาดสารอาหารยังสามารถมีลักษณะแยบคายยิ่งกว่านั้นได้อีกมากเช่นกันลำดับเหตุการถ่มีนการขาดวิตามินที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

1.    ขั้นแรก ลดคลังเนื้อเยื่อและการถ่ายปัสสาวะถดถอย

2.    ชีวเคมี ลดกิจกรรมของเอ็นไซม์อันเนื่องจากมีโคเอ็นไซม์ (วิตามินต่างๆ) ไม่เพียงพอ การถ่ายปัสสาวะ อยู่ในระดับน้อยมาก

3.    สรีรวิทยา ผลกระทบทางด้านพฤติกรรม อย่างเช่นนอนไม่หลับหรือง่วงซึม หงุดหงิดรำคาญ ควบคู่มากับความเบื่ออาหารและนํ้าหนักลด ดักฟังสัญญาณโทรศัพท์ ระบบการเผาผลาญอาหารมีการปรับเปลี่ยนเพราะยา และสมรรถนะของระบบภูมิคุ้มกันลดลง

4.    มีอาการ ปรากฎอาการขาดสารอาหารต่างๆ ตามที่ผู้บุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์มองเห็นตั้งแต่ในช่วงพัฒนาของศาสตร์ด้านโภชนาการการศึกษาของฟรามิงแฮม ที่ทำที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประกาศว่า“วิถีชีวิตของเรา เกี่ยวพันกับหนทางไปสู่ความตายของเรา”   

อาหารตามแบบฉบับที่ให้คนไข้รับประทานตามโรงพยาบาลต่าง ๆ มักจะทำให้สภาพขาดสารอาหารยังดำเนินต่อไป หรือยิ่งเลวร้ายลงไปอีก    ในขณะที่คนอเมริกันมากมายกินมากเกินไป แต่คนส่วนใหญ่ ก็ขาดสารอาหารอย่างรุนแรงเช่นกันหากว่าโภชนาการที่ถูกต้องเหมาะสม สามารถปัองกันโรคมะเร็งได้ระหว่าง 30 ถึง90 % แล้ว มันไม่ดูเป็นการโง่เขลาดอกหรือ ที่จะยังคงป้อนอาหารให้กับคนไข้มะเร็ง ด้วยอาหารชนิดเดียวกับที่ชักนำให้เกิดโรคมะเร็งขึ้นมาตั้งแต่แรก?การขาดสารอาหารในหมู่คนไข้มะเร็งคนไข้ตามโรงพยาบาลมีอยู่ราว ติดตามรถยนต์ 25-50% ที่ขาดสารอาหารโปรตีน การขาดสารอาหารโปรตีนชักนำไปสู่การเพิ่มอัตราการตายและทำให้การผ่าดัดล้มเหลว(คือตายในระหว่างหรือหลังการผ่าดัด เพราะร่างกายไม่แข็งแรงพอ) เพราะภมิค้มกันลดลง อัตราการเยียวยาบาดแผลลดลง การทำงานของหัวใจแย่ลง มี  การตอบสนองต่อการรักษาด้วยเคมีและรังสีลดน้อยลง มีการสังเคราะห์พลาสมาโปรตีนลดลง และโดยทั่วไปแล้ว ชักนำให้เกิดความอ่อนแอและซึม    คนไข้มากมายขาดสารอาหารมาตั้งแต่ก่อนเข้าโรงพยาบาล และอีก 10% มาขาดสารอาหารเอาในทันทีที่มาอยู่โรงพยาบาล การใช้สารอาหารช่วยประทังชีวิต ดังในกรณีของการให้สารอาหารจากบริเวณรอบนอก (หมายถึงที่ไม่เกี่ยวกับกระเพาะ-ลำไส้) ได้เป็นที่ปรากฎแล้วว่า จะลดระยะเวลาการต้องอยู่โรงพยาบาลลงไปได้ 30%การลดนํ้าหนักชักนำไปสู่การลดโอกาสความอยู่รอดของคนไข้ การขาดสารอาหารโดยทั่วไป ตามที่ผู้เชี่ยวชาญที่'โรงพยาบาลเอ็ม.ตี. แอนเดอร์สันในฮูสตันระบุไว้ประกอบด้วยการขาดโปรตีน แคลอรี ไธอามีน ไรโบฟลาวิน ไนอาชิน ฟอเลทและวิตามินเคตังนั้น โภชนบำบัดหรือการใช้สารอาหารช่วยในการบำนัดรักษา จึงมีสองช่วงแยกกันคือ1.    รับคนไข้ที่ขาดสารอาหารจนมีอาการปรากฎมาทำให้อยูในสถานะ “ปกติ”2.    รับคนไข้ “ปกติ” ที่อาการขาดสารอาหารบังไม่ปรากฎ มาทำให้อยู่ในสภาพที่ร่างกายปฏิบัติงานได้ “ตีที่สุด” เท่าที่ได้ทดสอบกันมานั้น มีสารอาหารอย่างน้อย 2-3 อย่าง ที่ดูเหมือนว่าจะมีการตอบสนอง “อย่างขื้นอยู่กับปริมาณ”นั้นคือ การให้คนไข้รับประทานมากกว่าระตับที่แนะนำให้รับประทานประจำวันจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำงานได้เกินระดับ ติดตามตัวบุคคล “ปกติ”ไม่เฉพาะการขาดสารอาหารเท่านั้นที่เป็นกันอยู่ทั่วไปในหมู่ซาวอเมริกัน“ปกติ” หากในหมู่คนไข้โรคมะเริงนั้น มีการขาดสารอาหารกันแพร่หลายที่สุดทฤษฎีหนึ่งที่บังคงเชื่อกันไม่ราข้อมาหลายสิบปีก็คือว่า    เราสามารถทำให้เนื้องอกมันอดอาหารตายจากร่างกายไปได้    แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง ๆเนื้องอกนั้น ทนทานต่อความอดอยากมาก และการศึกษาส่วนใหญ่พบว่า การขาดสารอาหารทั่งเฉพาะชนิดและโดยรวม เป็นโทษแก่ผู้ป่วยมากกว่าตัวมะเริงในผู้บัวย4 การขาดสารอาหารแท้ๆ (ที่เรียกว่า คาเคืกเชีย-cachexia) เป็นตัวการที่ทำให้คนไข้มะเร็งอย่างน้อย 22% และอย่างมากถึง 67% ต้องถึงแก่ความตายคนไข้มะเร็งถึง 80% ของทั่งหมด มีระดับอัลบูมีนในเชรั่ม (นาเลือด) ลดลง ซึ่ง


เครื่องติดตามตัวขนาดเล็ก 
 https://www.youtube.com/watch?v=wKN5Yp7PcCk&feature=youtu.be

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น