วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

สัญญาณเล็กๆ ในงานระลึกอัลเบิร์ต ตอนที่ 1


                                               



.....บนเตียงก็กลายเป็นวันๆ แล้วเป็นอาทิตย์ แล้วก็เป็นเดือนๆ ปิดม่านตลอดเวลาจนไม่รู้วันรู้คืน ผมแทบไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันอะไรอาการนี้จึงช่วยชี้แจงเวลาที่หายไประหว่างสัญญาณแรกของอัลเบิร์ตกับสัญญาณที่ตามมาได้พอผมบังคับตัวเองให้ออกนอกบ้านได้ก็ทรงตัวไม่อยู่เลยตอนไปซื้อของที่ร้านซำก็พยายามแนกายไม่ให้ล้ม ไม่กี่ครั้งที่ผมลองเสี่ยงออกไปนอกบ้านดู ก็เผอิญไปเจอเข้ากับคนรู้จัก พวกเขาตกใจกลัวจังงัง พูดอะไรไม่ออก น้ำหนักผมลดลงไปเยอะมากใบหน้าผมคงประทับตราคำว่าตายไว้ชัดเจนแล้วมีบางอย่างข้างในบางอย่างที,เป็นความหวังเพียงน้อยนิดที่ทำให้ผมยืนหยัดสืบต่อไปได้ อาจเป็นสารจากอัลเบิร์ตละมังครับผมไม่มัวกลัดกลุ้มไปกับเวลาที่มันเสียไปแล้ว แต่กลับขอบคุณที่ตัวเองยังมีพื้นที่ปลอดภัยและสบายใจให้ตัวเองได้อยู่ เครื่องดักฟังในรถยนต์ ขอบคุณกระทั่งช่วงเวลาที่เจ็บแบบพอทนไหวหลังจากความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสผ่านพ้นไป แค่นี้ก็ช่วยเพิ่มศรัทธาได้แล้วว่าผมยังมีโอกาสหาย ผมกำลังไขว่คว้าหาจุดยืนตรงกลาง ระหว่างจุดที่อาจจะไม่ดีขึ้นแต่ก็จะไม่แย่ลงกว่านี้ มันเหมือนกับเราเป็นไข้หวัดอย่างแรง แล้วพยายามตั้งจิตจดจ่ออยู่กับช่วงเวลาที่เจ็บน้อยกว่าเดิมอย่างนั้นเลยครับ เมื่อไหร่ที่ผมหายใจแทบไม,ออก ก็จะเสือกเพ่งจิตอยู่กับความรู้สึกดีเวลาที่หายใจสบายไม่ลำบากอย่างนี้แทนแต่ก็มีบางช่วงเวลาบ้างเหมือนกันที่ผมอยากตาย ๆ ไปเสียทีคนตั้งมากมายตายได้เพราะติดเชื้อที่รุนแรงน้อยกว่าของผมเสียอีกถ้ามองจากมุมของแพทย์ทั่วไปแล้วผมไม่มีโอกาสรอดเลย ผมมีข้ออ้างทุกประการในโลกว่าสมควรจะฆ่าตัวตายไปได้แล้ว ทว่าลึกลงไปข้างในใจผม ประกายแห่งความหวังเพียงน้อยนิดนั่นเองที่ทำให้ผมยังรอดอยู่ได้อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ประกายนั้นแหละที่ช่วยเสริมกำลังใจที่จะขอมีชีวิตสืบต่อให้แข็งแกร่งขึ้นจริง ๆแซรอน ซอว์โทร.มาหาทุกวันและหมั่นมาเยี่ยมผมบ่อย ๆเธอมาช่วยย้ำความคิดเสมอว่าแล้ววันหนึ่งอาการปวยของผมก็จะหาย เธอยังเคี่ยวให้ผมจดจ่ออยู่กับสิ่งดีๆ ที่ได้รับ ถึงแม้จะเป็นการดีแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม เพื่อนสาวคนนี้ช่วยผมให้ผ่านพ้นวันคืนอันยี่าแย่เลวร้ายมาได้ ด้วยการใช้จิตจดจ่ออยู่กับเวลาที่ดีและวันที่มีความสุขกว่าวันนี้ แค่หน้าต่างเปิดกว้างรับสายลมโชยก็มีค'วามหมายนักแล้ว ดักฟังเสียงโทรศัพท์ ไหนจะแลงตะวันส่อง ไหนจะต้นไม้เขียว ๆอีกเล่า แต่ละช่วงเวลาที่ไม่เจ็บไม่ปวดช่วยชุบจิตวิญญาณของผมให้กระปรกระเปร่าขึ้นมา แล้วในที่สุดผมก็พอมีวันที่สบายดีกับเขาบ้าง ร่างกายที่รุมด้วยปัญหาเริ่มตอบสนองการรักษาแล้วผ่านไปห้าเดือน ผมก็เริ่มออกนอกบ้านบ่อยขึ้น เริ่มจากการเดินเล่นแถวๆ ตึกอาทิตย์ละลองสามหน แล้วในที่สุดก็เริ่มออกไปทำธุระเล็กน้อยได้เอง ยามใดที่ผมไถลถอยหลัง แชรอนก็จะคอยเตือนผมว่าให้นึกถึงวันดีๆ เข้าไว้ ผมได้ความเข้มแข็งจากการคอยดุของเธอ แล้วก็เริ่มหายขึ้นได้อย่างช้าๆหลังจากอัลเบิร์ตตายไปได้หกเดือน ความโศกเศร้าก็เริ่มสร่างซา ผมเริ่มรักษาด้วยยาชุดใหม่ สภาพร่างกายค่อยๆ ดีขึ้นได้ความแข็งแรงกลับคืนมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผมจึงกลับไปที่ยิมอีก แค่วิ่งสายพานห้านาทีก็แทบตาย แต่ครั้นเวลาผ่านไปผมก็ทำได้ถึงสามสิบนาที ผมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นๆ ทุกที อาการก็พ้นตัวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ผมยกศวามดีเรื่องอาการดีขึ้นมากนี้ให้กับ  protease inhibitors ซึ่งเป็นยาตัวใหม่ที่มีอยู่ในตอนนั้น เม็ดเลือดของผมเริ่มเพิ่มขืนจนใกล้ถึงระดับปกติ รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับโอกาสมีชีวิตอีกครั้งเหลือเกิน ผมอยากให้อัลเบิร์ตอยู่กับผมตอนนั้นด้วยจรงๆ ผมคิดถึงเขาบ่อยๆ ส่วนตอนที่ไม่ได้คิดถึงก็จะมีเหตุแปลกๆ มาให้เจอ เป็น “เรื่องบังเอิญ” บางอย่างที่มาช่วยเตือนให้ผมนึกถึงเขายกตัวอย่างเช่น กันหนึ่งผมกำลังเดินออกจากยิม เพลงของเบตต์ มิดเลอร์ “Wind Beneath My Wings” อุปกรณ์นักสืบราคาถูก ก็ดังมาจากลำโพงไม่ใช่ว่าผมไม่ซอบเบตต์ มิดเลอร์นะครับ แต่เผอิญเป็นคนไม่ค่อยสนใจฟังเพลงรักหวานซึ้งหรือเพลงพ้อพเท่าไหร่อยู่แล้วพอเดินไปขึ้นรถ ผมเปิดวิทยุค้างไว้อยู่ที่คลื่น 103.5 “CoastRadio” ซึ่งเป็นรายการเพลงที่ให้คนโทร.เข้ามาขอเพลงให้กับคนที่รักตอนผมสตาร์ทรถก็ได้ยินดีเจพูดว่า “เขาขอเพลงนี้เพราะว่าเขารักคุณ...” อีกแล้ว เพลง “Wind Beneatn My Wings” ดังขึ้นมาผมนึกในใจว่าพอได้แล้วน่า มีอก็เอื้อมไปหยิบเทป ดักฟังข้างห้อง เพลงจากกองเทปที่เก็บไว้ในรถ ตอนนั้นมันมีด เลยหยิบเทปอะไรก็ได้ม้วนแรกยัดใส่เครื่องเล่น แล้วก็อีก...ผมอึ้งไปเลย “Wind Beneath MyWings” ครวญกระหึ่มออกจากลำโพง ผมหักรถจอดข้างทางแล้วมองดูเทป ก็เลยจำได้ว่าเอาเทปรวมฮิตบางม้วนที่อัลเบิร์ตอัดไว้มาใส่ในรถเมื่อไม่กี่กันก่อนนี้เอง เทปม้วนนี้เป็นหนึ่งในนั้น ที่เผอิญตั้งหัวไว้ที่เพลงเดียวกันพอดี

เครื่องดักฟัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น